การสะท้อนและการหักเหของแสงที่ต้องรู้

เขียนโดย: ทีมงาน TidMor1 | เผยแพร่เมื่อ: 18 สิงหาคม 2568

แสง สะท้อน หักเห วิทยาศาสตร์ เตรียมสอบ ม.1

น้องๆ ป.6 หรือคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงกำลังเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 กันอย่างเข้มข้นเลยใช่ไหมครับ? วิชาที่ดูเหมือนจะปราบเซียนหลายๆ คนก็คือ วิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องของ แสง ที่น้องๆ มักจะรู้สึกว่าซับซ้อนและเข้าใจยากเหลือเกิน แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ! เพราะพี่ๆ TidMor1 เข้าใจดีว่าความรู้สึกแบบนี้มันเป็นยังไง

วันนี้พี่จะพาน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ไปรู้จักกับสองปรากฏการณ์สำคัญของ แสง ที่ออกสอบบ่อยมากๆ นั่นก็คือ การสะท้อนของแสง และ การหักเหของแสง ครับ พี่จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เหมือนเล่าเรื่องสนุกๆ พร้อมยกตัวอย่างที่เห็นได้ในชีวิตประจำวัน และยังมีเคล็ดลับดีๆ สำหรับการเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 รับรองว่าอ่านจบแล้ว เรื่อง แสง สะท้อน หักเห จะไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอนครับ!

เรื่องของ 'แสง' ที่ไม่ได้มีดีแค่สว่าง: ทำไมเราต้องรู้จักมัน?

ก่อนจะไปเจาะลึกเรื่อง การสะท้อน และ การหักเห ของ แสง เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า แสง คืออะไร และทำไมมันถึงสำคัญกับชีวิตเราและกับการสอบเข้า ม.1 ขนาดนี้

น้องๆ ลองนึกภาพดูสิครับว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีแสงจะเป็นยังไง? เราคงมองไม่เห็นอะไรเลยใช่ไหมครับ? แสงคือพลังงานรูปหนึ่งที่เดินทางเป็นคลื่น และสามารถเดินทางผ่านตัวกลางต่างๆ ได้ เช่น อากาศ น้ำ หรือแม้แต่สุญญากาศ (ในอวกาศก็มีแสงอาทิตย์ใช่ไหมล่ะ)

แสง สำคัญมากๆ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัว ทำให้โลกของเรามีสีสัน และยังถูกนำไปใช้ประโยชน์ในเทคโนโลยีมากมาย เช่น กล้องถ่ายรูป แว่นตา หรือแม้แต่ใยแก้วนำแสงที่ส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตถึงบ้านเราได้เร็วปรื๋อ! ส่วนในการสอบ วิทยาศาสตร์ เรื่องแสงถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากๆ เพราะมันเชื่อมโยงกับหลายๆ เรื่องในชีวิตประจำวัน และข้อสอบก็มักจะเอาเรื่องนี้ไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์จริงนั่นเองครับ

“สะท้อน” เหมือนส่องกระจก: เมื่อแสงเด้งกลับ!

คำว่า "สะท้อน" น้องๆ คงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วใช่ไหมครับ? เหมือนเวลาเราส่องกระจกแล้วเห็นหน้าตัวเองนั่นแหละครับ คือปรากฏการณ์ที่ แสง เดินทางไปกระทบกับวัตถุแล้ว เด้งกลับ ออกมา เราลองมาดูกันแบบละเอียดขึ้นอีกนิดกันครับ

การสะท้อนของแสงคืออะไร?

การสะท้อนของแสง (Reflection of Light) ก็คือ การที่รังสีของ แสง เคลื่อนที่จากตัวกลางหนึ่งไปตกกระทบพื้นผิวของอีกตัวกลางหนึ่ง แล้วรังสีแสงนั้นก็ สะท้อน กลับเข้ามาในตัวกลางเดิมนั่นเองครับ ลองนึกภาพเวลาเราโยนลูกบอลอัดกำแพง ลูกบอลก็จะเด้งกลับมาหาเราใช่ไหมครับ แสง ก็ทำนองเดียวกันเลย

หัวใจสำคัญของการ สะท้อน คือมี "กฎ" อยู่ข้อหนึ่งที่น้องๆ ต้องจำให้แม่น นั่นคือ "มุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อนเสมอ" ครับ

  • รังสีตกกระทบ: คือแสงที่วิ่งไปชนพื้นผิว
  • รังสีสะท้อน: คือแสงที่เด้งกลับออกมา
  • เส้นปกติ: คือเส้นสมมติที่ลากตั้งฉากกับพื้นผิวตรงจุดที่แสงตกกระทบ
  • มุมตกกระทบ: คือมุมระหว่างรังสีตกกระทบกับเส้นปกติ
  • มุมสะท้อน: คือมุมระหว่างรังสีสะท้อนกับเส้นปกติ

จำง่ายๆ นะครับว่า รังสี แสง ที่พุ่งเข้าไปชนกับพื้นผิว ไม่ว่าพื้นผิวนั้นจะเอียงแค่ไหน แสงที่เด้งกลับออกมาก็จะทำมุมกับเส้นปกติเท่ากับมุมที่พุ่งเข้าไปชนเป๊ะๆ เลยครับ!

สะท้อนแบบไหนบ้าง?

การ สะท้อน ของ แสง ไม่ได้มีแค่แบบเดียวเหมือนกันนะครับ น้องๆ เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงเห็นหน้าตัวเองชัดในกระจกเงา แต่ถ้าส่องกระจกที่ฝ้าๆ หรือกำแพงที่ทาสีด้านๆ กลับมองไม่เห็น? นั่นก็เพราะว่าการ สะท้อน มีสองแบบหลักๆ ครับ

  • การสะท้อนแบบสม่ำเสมอ (Specular Reflection):
    • เกิดขึ้นเมื่อแสงตกกระทบกับพื้นผิวที่ เรียบมันวาว เช่น กระจกเงา, ผิวน้ำนิ่งๆ, โลหะขัดเงา
    • รังสี แสง ที่ สะท้อน ออกมาจะขนานกันเป็นระเบียบ ทำให้เกิดภาพที่ชัดเจน
    • นี่แหละครับที่ทำให้เราเห็นภาพตัวเองในกระจกได้ชัดแจ๋วเลย!
  • การสะท้อนแบบฟุ้งกระจาย (Diffuse Reflection):
    • เกิดขึ้นเมื่อแสงตกกระทบกับพื้นผิวที่ ขรุขระ ไม่เรียบ เช่น กำแพง, กระดาษ, เสื้อผ้า, ผิวน้ำที่กระเพื่อม
    • รังสี แสง ที่ สะท้อน ออกมาจะกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ทำให้เรามองไม่เห็นภาพ สะท้อน ที่ชัดเจน
    • แต่การ สะท้อน แบบนี้แหละครับที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งของรอบตัวได้! เพราะแสงจากแหล่งกำเนิดแสง (เช่น ดวงอาทิตย์ หลอดไฟ) ไปตกกระทบวัตถุต่างๆ แล้ว สะท้อน แบบฟุ้งกระจายเข้าสู่ตาเรา ทำให้เรามองเห็นรูปร่างและสีของวัตถุนั้นๆ ได้

เห็นบ่อยในชีวิตประจำวัน: ตัวอย่างการสะท้อนของแสง

เรื่อง การสะท้อนของแสง ใกล้ตัวกว่าที่คิดเยอะเลยครับ ลองนึกภาพตามพี่ดูนะ:

  • ส่องกระจกแต่งตัว: อันนี้ชัดเจนที่สุดเลยใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะกระจกในห้องน้ำ กระจกส่องหน้า ก็ใช้หลัก การสะท้อนของแสง ทั้งนั้นเลย
  • มองเห็นสิ่งของรอบตัว: ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ หนังสือ หรือแม้กระทั่งตัวคุณพ่อคุณแม่ แสงจากหลอดไฟหรือดวงอาทิตย์จะไปตกกระทบสิ่งเหล่านั้น แล้ว สะท้อน แบบฟุ้งกระจายเข้าสู่ตาเรา ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้นั่นเองครับ
  • แสงแดดที่สะท้อนจากผิวน้ำหรือกระจกรถยนต์: บางทีขับรถผ่านผิวน้ำที่นิ่งๆ หรือเจอรถที่เงามากๆ แล้วรู้สึกแสบตา นั่นก็เพราะแสงแดดมัน สะท้อน แบบสม่ำเสมอเข้าตาเราโดยตรงเลยครับ
  • นักมายากลใช้กระจก: เพื่อสร้างภาพลวงตาให้ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นหรือหายไป
  • กล้องส่องทางไกล (Periscope): ที่ทหารเรือใช้ในเรือดำน้ำ หรือน้องๆ อาจจะเคยเห็นในการ์ตูน ใช้หลักการ สะท้อน ของกระจกสองอันมาช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่เหนือผิวน้ำได้

จะเห็นได้ว่า การสะท้อนของแสง เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เราเจออยู่ตลอดเวลาเลยครับ

“หักเห” เหมือนงอข้อศอก: เมื่อแสงเปลี่ยนทาง!

ถ้า การสะท้อน คือการที่ แสง เด้งกลับ การ "หักเห" ก็คือการที่ แสง "เปลี่ยนทิศทาง" หรือ "หัก" มุมไปจากเดิมนั่นเองครับ ลองนึกถึงตอนเราเดินจากถนนเรียบๆ ไปเจอพื้นทรายแล้วจู่ๆ ก็เดินช้าลงและเปลี่ยนทิศทางการเดินเล็กน้อยนั่นแหละครับ แสง ก็มีพฤติกรรมคล้ายๆ กันเมื่อเจอการเปลี่ยนแปลงครับ

การหักเหของแสงคืออะไร?

การหักเหของแสง (Refraction of Light) คือปรากฏการณ์ที่ แสง เดินทางจากตัวกลางหนึ่ง (เช่น อากาศ) ไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง (เช่น น้ำ แก้ว) ที่มีความหนาแน่นต่างกัน แล้วความเร็วของ แสง เปลี่ยนไป ทำให้ทิศทางการเคลื่อนที่ของ แสง หักเห หรือ เปลี่ยนแนว ไปจากเดิมนั่นเองครับ

นึกภาพว่าเราเอาก้านดินสอเสียบลงไปในแก้วน้ำใสๆ ที่มีน้ำอยู่ น้องๆ จะเห็นว่าดินสอเหมือน "หัก" ตรงบริเวณผิวน้ำใช่ไหมครับ? นั่นแหละคือตัวอย่างง่ายๆ ของ การหักเหของแสง ครับ

หลักการง่ายๆ ที่น้องๆ ควรจำ:

  • ถ้า แสง เดินทางจากตัวกลางที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า (เช่น อากาศ) ไปยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นมากกว่า (เช่น น้ำ) แสง จะ หักเห โดยเบนเข้าหาเส้นปกติ (เหมือนแสงเดินทางช้าลง เลย "เบนเข้า" ไปหาเส้นตั้งฉาก)
  • ในทางกลับกัน ถ้า แสง เดินทางจากตัวกลางที่มีความหนาแน่นมากกว่า (เช่น น้ำ) ไปยังตัวกลางที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า (เช่น อากาศ) แสง จะ หักเห โดยเบนออกจากเส้นปกติ (เหมือนแสงเดินทางเร็วขึ้น เลย "เบนออก" จากเส้นตั้งฉาก)

การ หักเห นี้แหละครับที่ทำให้โลกของเรามีปรากฏการณ์แปลกๆ และยังถูกนำไปใช้ประโยชน์ในอุปกรณ์ต่างๆ อีกมากมายเลย

มองหาในชีวิตประจำวัน: ตัวอย่างการหักเหของแสง

การหักเหของแสง อยู่รอบตัวเรามากกว่าที่คิดอีกนะครับ ลองดูตัวอย่างเหล่านี้กันครับ

  • ดินสอหักในแก้วน้ำ: เป็นตัวอย่างคลาสสิกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเลยครับ แสงที่สะท้อนจากส่วนปลายดินสอใต้น้ำเมื่อเดินทางจากน้ำ (ตัวกลางหนาแน่นมาก) ไปสู่อากาศ (ตัวกลางหนาแน่นน้อย) ก็จะเกิด การหักเห ทำให้เรามองเห็นตำแหน่งของดินสอคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
  • การมองเห็นปลาในน้ำ: เวลาเรามองปลาในแม่น้ำหรือในตู้ปลา น้องๆ จะเห็นว่าปลาดูเหมือนอยู่ตื้นกว่าความเป็นจริงเสมอ นั่นก็เพราะแสงที่ สะท้อน จากตัวปลาเมื่อเดินทางมายังตาเราก็เกิด การหักเห นั่นเองครับ
  • แว่นตาและคอนแทคเลนส์: คุณพ่อคุณแม่ หรือน้องๆ บางคนอาจใส่แว่นตาใช่ไหมครับ? แว่นตาและคอนแทคเลนส์ถูกออกแบบมาโดยใช้หลัก การหักเหของแสง เพื่อช่วยปรับให้ แสง ไปตกกระทบที่จอประสาทตาพอดี ทำให้เรามองเห็นภาพชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง
  • ปริซึมแยกแสง: เคยเห็นปริซึมที่พอมี แสง ผ่านแล้วแยกเป็นสีรุ้งไหมครับ? นั่นคือ การหักเหของแสง ที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลายๆ ครั้งในปริซึม โดยแสงแต่ละสีมีความยาวคลื่นต่างกัน จึง หักเห ด้วยมุมที่ต่างกัน ทำให้เราเห็นเป็นสีรุ้งนั่นเอง
  • รุ้งกินน้ำ: ปรากฏการณ์สวยงามหลังฝนตก เกิดจากการที่ แสง อาทิตย์ หักเห และ สะท้อน ภายในหยดน้ำเล็กๆ จำนวนมหาศาลในอากาศ เกิดเป็นแถบสี รุ้ง ที่สวยงาม
  • ภาพลวงตา (Mirage): เช่น ภาพแอ่งน้ำบนถนนในวันที่อากาศร้อนจัดๆ นั่นก็เกิดจาก การหักเหของแสง ในชั้นอากาศที่มีอุณหภูมิต่างกันอย่างมาก
  • การมองเห็นของดวงตาเรา: ตาของมนุษย์เราก็มีส่วนประกอบสำคัญคือ "เลนส์ตา" ซึ่งทำหน้าที่ หักเหแสง ที่เข้าสู่ดวงตาให้ไปตกกระทบที่จอประสาทตา เพื่อให้เรามองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนครับ

สะท้อน vs หักเห: สองพี่น้องที่ต่างกันแต่สำคัญเท่ากัน

น้องๆ อาจจะเริ่มเห็นความแตกต่างระหว่าง การสะท้อน และ การหักเหของแสง กันแล้วใช่ไหมครับ? พี่ขอสรุปง่ายๆ ให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นอีกนิดนะครับ

  • การสะท้อนของแสง:
    • แสง เดินทางไป ชนวัตถุแล้วเด้งกลับ เข้าสู่ตัวกลางเดิม
    • ตัวอย่าง: ส่องกระจกเงา, เห็นหน้าตัวเอง, การมองเห็นวัตถุทั่วไป
    • กฎที่ใช้: มุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน
  • การหักเหของแสง:
    • แสง เดินทางจากตัวกลางหนึ่งไปอีกตัวกลางหนึ่งที่มีความหนาแน่นต่างกัน แล้ว แสง เปลี่ยนทิศทาง (หักเห) ไปจากแนวเดิม
    • ตัวอย่าง: ดินสอหักในแก้วน้ำ, ปลาอยู่ในน้ำดูตื้นขึ้น, แว่นตา, เลนส์, ปริซึม, รุ้งกินน้ำ
    • กฎที่ใช้: แสงจะเบนเข้าหาหรือออกจากเส้นปกติ ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของตัวกลาง

จะเห็นได้ว่าแม้จะเป็นคนละปรากฏการณ์ แต่ทั้ง การสะท้อน และ การหักเหของแสง ต่างก็เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เราเข้าใจโลกและสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ดีขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของวิชา วิทยาศาสตร์ ที่สนุกและท้าทายมากๆ ครับ

สอบเข้า ม.1 ไม่ได้ยากอย่างที่คิด: ตะลุยโจทย์เรื่องแสงยังไงให้ปัง!

น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่คงพอจะเห็นภาพรวมของเรื่อง การสะท้อน และ การหักเหของแสง แล้วนะครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 คือ การทำความเข้าใจหลักการให้ถ่องแท้ และ ฝึกฝนทำโจทย์ให้หลากหลายครับ

พี่มีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาฝากครับ:

  • ทำความเข้าใจนิยามและหลักการ: อย่าเพิ่งรีบไปท่องจำ ให้ลองวาดรูป หรือนึกภาพตามที่พี่อธิบายไปข้างต้น แล้วจะเข้าใจมากขึ้น
  • เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน: ลองสังเกตสิ่งรอบตัวว่าปรากฏการณ์ แสง สะท้อน หักเห เกิดขึ้นตรงไหนบ้าง ยิ่งเห็นภาพ ยิ่งจำได้แม่น
  • ฝึกทำโจทย์หลากหลายแนว: ข้อสอบมักจะออกในรูปแบบการประยุกต์ใช้สถานการณ์จริง ดังนั้น การทำโจทย์เยอะๆ จะช่วยให้น้องๆ คุ้นเคยกับแนวคำถาม และเห็นวิธีการคิดวิเคราะห์
  • อย่ากลัวการทดลอง: ถ้ามีโอกาสได้ทำการทดลองง่ายๆ ด้วยตัวเอง (เช่น ลองจุ่มดินสอในน้ำ, ลองใช้ไฟฉายส่องกระจก) จะช่วยให้เข้าใจหลักการเหล่านี้ได้ดีเยี่ยมเลยครับ
  • ทบทวนสม่ำเสมอ: เรื่อง แสง เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการทบทวนบ่อยๆ เพื่อให้หลักการต่างๆ ยังอยู่ในความทรงจำ และสามารถนำไปใช้แก้โจทย์ได้อย่างคล่องแคล่ว

จำไว้นะครับว่า วิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่การท่องจำ แต่เป็นการทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา การเรียนรู้เรื่อง แสง ไม่ใช่แค่เพื่อสอบ แต่เพื่อเปิดโลกทัศน์และทำความเข้าใจธรรมชาติที่น่าทึ่งครับ!

และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ